ชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อได้รู้จักใช้ AI 🎯
วิถีชีวิตของผมในวัย 39 เริ่มต้นเพียงเพื่อเอาตัวรอดกับหน้าที่ต่างๆ ทั้งงาน ครอบครัว และความรู้ใหม่ๆ ที่เหมือนจะกองเต็มโต๊ะทุกวัน แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อผมมาเจอกับ AI ที่ใช่ มันเหมือนมีเพื่อนคู่คิดที่เก่งทุกเรื่อง ช่วยให้การทำงาน การเรียนรู้ และการจัดการชีวิตง่ายขึ้นไปอีกขั้นสำหรับใครที่คิดว่า AI คือของเล่นไฮเทค ขอบอกเลยว่ามันไม่ได้แค่นั้นครับ มันคือ “ปาฏิหาริย์เล็กๆ” สำหรับคนที่เวลามีจำกัดแบบผม อยากรู้ไหมครับว่าชีวิตดีขึ้นยังไงบ้าง?
ลองนึกภาพตามดูกัน…
💻 จากงานที่เคยยาก ตอนนี้กลายเป็นปอกกล้วย
- แต่ก่อนต้องนั่ง Copy ข่าวทีละข่าว Save รูปภาพทีละภาพมาโพสต์ลงเว็บไซต์ ลองคิดดูว่าต้องเสียเวลาไปเท่าไหร่… แต่พอผมลองให้ AI เขียนโค้ดให้แทน แค่พิมพ์ Prompt เดียว เช่น
“ช่วยเขียน Python Code สำหรับดึงข่าวจาก … และโพสต์ไปที่เว็บไซต์”
พอได้โค้ดมาลองใช้ในไม่กี่วินาที แก้ไขปรับนิดหน่อย ใช้งานได้ทันที! งานที่เคยต้องใช้ครึ่งค่อนวันถูกย่นเวลาให้เหลือแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น Cool เกิ๊น.. - หรือเวลาผมต้องเขียนบล็อกเพื่ออัปเดตสิ่งที่เรียนพึ่งจบมา จากที่เคยกินเวลาไปทั้งชั่วโมงหรือทั้งวัน ตอนนี้ AI ช่วยจัดการให้เรียบร้อย แค่ใส่หัวข้อที่ต้องการ หรือร่างไอเดียของผมแล้วโยนให้มันช่วยขยายความต่อ มันก็สามารถเข้าใจได้ จะเทพไปไหน
⏩ สรุปง่ายๆ เลยมันคือ “ตัวเราคนเดิม แต่เร็วกว่า ฉลาดกว่า และละเอียดกว่าในแบบที่เราไม่ต้องเปลืองเวลา!”
🎥 AI กับการบริหารเวลา: สรุป 4 ชั่วโมงให้เหลือแค่ 4 นาที
จากที่เมื่อก่อน ต้องเสียเวลาฟังวิดีโอสัมมนายาวๆ บน YouTube หลายชั่วโมงเพื่อตามหาประเด็นสำคัญ หรือจำใจดูรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกวันนี้ AI เข้ามาช่วยสรุปคลิปหลายชั่วโมงให้กลายเป็นข้อมูลสำคัญในเวลาสั้นๆ และเป็นหัวข้อที่เข้าใจง่ายสุดๆ เช่น
- อธิบาย Performance Test , เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียระหว่าง K6 กับ Jmeter
- ดูรีวิวเทรนด์เกี่ยวกับงาน QA
ผมแค่เอาลิงก์ให้ AI ช่วยสรุปเนื้อหาหลักๆ พร้อมใส่ความคิดสำคัญๆลงไป คราวนี้ไม่ต้องเลื่อนหาเนื้อหาด้วยตัวเองเลย เอากับมันสิ!
📚 ความรู้คือพลัง และ AI คือแหล่งย่อโลกการเรียนรู้
เมื่อก่อนเวลาผมเจออะไรใหม่ อยากศึกษาเรื่องยากๆ อย่าง DevOps ,Kubernetes หรือภาษา Programming ใหม่ๆ ผมต้องใช้เวลาอ่านหนังสือ 3-4 เล่ม เข้า Coursera , Udemy หรือคุ้ยข้อมูลใน Google ทีละหลายชั่วโมง แต่ทุกวันนี้ AI ช่วยให้ผม “เข้าใจสิ่งที่ซับซ้อนได้ในเวลาอันสั้น”
- สรุปหนังสือธุรกิจภายในไม่กี่บรรทัด
- อธิบายคอนเซปต์ยากๆ ให้เข้าใจเหมือนเพื่อนมาเล่าให้ฟัง
นี่แหละครับ เหมือนมีโค้ชและห้องสมุดเคลื่อนที่อยู่ในมือ ผมเลยมั่นใจว่าผมไม่หยุดอยู่แค่สิ่งที่ผมทำในทุกวันนี้แน่นอน
จำได้อยู่ตอนนึง เคยทะเลาะกันกับน้องในที่ทำงานที่หาว่าผมทำงาน แล้วทำไมจำงานบางอย่างไม่ได้ ตอนนั้นผมตอบไปว่า “ถึงแม้จะจำไม่ได้ แต่ผมรู้ว่าจะหาคำตอบได้อย่างไร” พอมาวันนี้มี AI เข้ามา ผมคิดว่า สิ่งที่ผมทำตอนนั้นมันถูกแล้ว คือผมไม่ต้องจำทั้งหมดก็ได้ ขอแค่รู้ว่าหาคำตอบได้ที่ไหน และเข้าใจในคำตอบที่ได้มาก็พอ
ความฝันที่เคยใหญ่เกินไป ตอนนี้อยู่ใกล้แค่เอื้อม… 🚀
เมื่อก่อนผมยังคิดว่าหลายๆ โปรเจกต์ที่อยากเริ่ม มันดูซับซ้อนเกิน จนต้องพับเก็บไว้ก่อน แต่ตอนนี้พอมี AI เป็น “ที่ปรึกษาหลัก” ผมเริ่มเชื่อว่า ผมสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่คิด เช่น:
สร้างระบบอัตโนมัติสำหรับธุรกิจ:** ใช้ AI ช่วยเขียนโค้ด หรือร่างต้นแบบ Tool ที่ช่วยงาน
ทำ Blog หรือ Platform ความรู้ขนาดใหญ่:** ใช้ AI จัดการเรื่อง Content ให้เรียบร้อย
พัฒนาแอป หรือสร้างผลิตภัณฑ์ดิจิทัลของตัวเอง:**ใช้ AI ทำให้การพัฒนาแอปซับซ้อนน้อยลง หรือแม้แต่ฝันว่าจะ Push Code ขึ้น GIT ทุกวัน : อันนี้อาจไม่มีเหตุผลหรือเกี่ยวข้องกับ AI นะ แต่ที่รู้คือตอนนี้ ชอบที่ GIT มันเขียวเวลาเรา Push Code ไปที่ GIT แต่ละวัน!? 555+
จากสิ่งที่เคยกลัวว่าจะยากหรือทำไม่ไหว กลายเป็นแผนที่ผมมั่นใจว่าทำสำเร็จได้แน่นอน
ตอนนี้เริ่มเชื่อแล้วว่าการมี AI ในชีวิต ไม่ได้แค่ทำให้ชีวิตง่าย แต่มันเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้เราก้าวหน้าได้เร็วขึ้นหลายเท่าด้วย
💡 สรุป… AI ไม่ใช่แค่ “เครื่องมือ” แต่มันคือ “เพื่อนร่วมทีมที่พกเอาเข็มทิศมาด้วย” ที่ช่วยทำให้ผมมองโลกในมุมใหม่ มองไปทางไหนก็เห็นแต่โอกาส
ใครที่ยังลังเล แนะนำให้ลองเปิดใจดู แค่เริ่มต้นด้วย AI ที่ช่วยงานง่ายๆ คุณอาจค้นพบว่าตัวเองมีเวลาและโอกาสสร้างฝันที่ใหญ่กว่านี้ได้
ปล. อย่าลืมนะครับ AI เป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่ผู้ตัดสินทุกเรื่อง สุดท้าย ชีวิตของเรายังเป็นบทบาทของเราเอง …แต่จะดีกว่าถ้ามี AI เป็นผู้ช่วยเก่งๆ ที่คอย support เราอยู่ข้างๆ 😊