Categoriesอ่านแล้วเล่า

“ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์….”

ขอเล่าถึงหนังสือเล่มหนึ่งที่พึ่งอ่านจบไปในช่วงนี้ หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า “ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์”
ตอนแรกที่อ่านชื่อแล้วสะดุดมาก เพราะชื่อหนังสือ เมื่ออ่านเสร็จมันทำให้รู้สึกว่า “นี่ชีวิตนึง มันมีเวลาอยู่บนโลกเฉลี่ยแค่ประมาณ 4,000 สัปดาห์เองจริงรึ” คำพูดที่น้อยแต่ทรงพลัง มันสร้าง Impact มากระแทกกับความคิดเราได้ทันทีเลยว่า “ชีวิตมีเวลาแค่ประมาณสี่พันสัปดาห์เองนะ อย่าใช้เวลาอย่างสิ้นเปลืองไปกับสิ่งที่มันไม่จำเป็นหล่ะ”

หลังโดนคำโปรยบนหน้าปกตกให้เสียทรัพย์ ก็ได้จับจองหามาเป็นเจ้าของกัน

แล้วหลังจากนั้น ก็ใช้เวลาในแต่ละคืน อ่านมันไปทีละบท ทีละบท


จากที่หวังในตอนแรกว่าหนังสือเล่มนี้ จะสอนให้เราใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพในแต่ละด้าน คงออกแนวมาสอนให้เราทำอะไรให้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เหมือนเทคนิคการจับเวลาทำ 45 นาที พัก 15 นาทีอะไรพวกนั้น แต่พอได้อ่านหนังสือจริงมันไม่ใช่แบบที่คิดเลย

หนังสือ ได้เล่าบอกในบทตอนต้นถึงช่วงเวลาตั้งแต่สมัยก่อน ในยุคที่ไม่มีเวลาหรือนาฬิกา คนในยุคนั้น เริ่มทำงานตอนพระอาทิตย์ขึ้น ทำเรื่อยไปจนถึงพระอาทิตย์ตก เมื่อนั้นก็หมดเวลา นอนแล้วก็พอ ลืมบอกไปว่าคนยุคนั้นมีตั้งแต่ อยู่ในทุ่งหญ้าสะวันนา ออกป่าล่าสัตว์ มาจนถึงยุคทำไร่ไถนา เรื่อยมาจนถึงยุคปฏิวัตอุตสาหกรรม ที่คนเริ่มร่วมตัวกันมาทำงาน มีนายจ้าง มีลูกจ้าง มีการจ่ายค่าแรง ในตอนนี้นี่แหล่ะที่ฝั่งนายจ้าง เริ่มมีความกลัวในเรื่องการโกงเวลาของลูกจ้างเกิดขึ้น นั่นจึงเป็นที่มาของนาฬิกา

หนังสือได้บอกกับเราต่อไปอีก ว่าพวกคำพูดที่พูดว่า “หากเราใช้เทคนิคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานต่างๆ เช่น การจัดการ Email อย่างมีประสิทธิภาพ , วิธีการใช้สูตร Excel กับงานต่างๆ , เทคนิคการบริหารเวลาด้วย Time Boxing , เทคนิคการแบ่งเวลาการทำงานแบบ Pomodoro ฯลฯ ว่าไอ้เทคนิคเหล่านี้ มันจะทำให้เราทำงานได้ดีขึ้น งานเสร็จเร็วขึ้น จะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้น” ว่าที่จริงแล้วหน่ะ ไอ้คำพูดนี้มันไม่จริงนะเฟ้ย ยิ่งพวกเอ็งทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพ งานเอ็งเสร็จแล้ว พวกนายจ้างจะยิ่งเอางานมาเพิ่มให้เอ็งอีก ดังนั้นเอ็งลองอ่านแนวคิดของข้าดูก่อน

หนังสือ ได้สาธยายต่อ ว่าเราสังเกตุกันมั้ย ว่าเรามีเครื่องมืออะไรต่างๆ มาช่วยให้ใช้ชีวิตกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากมาย ช่วยให้เรา “ควบคุมทุกอย่าง” ได้ แต่ทำไมเรายังบ่นกันว่า “มีเวลาไม่พอ”

เราหวังทำทุกอย่าง ตามคนที่เราชื่นชอบใน Social แล้วหวังเอาว่า หากเราได้ทำตามพวกเขาเหล่านั้น ชีวิตเราคงจะมีความสุข (มีเงิน , มีงานที่ดี , เที่ยวต่างประเทศถี่ , มีรถหรู , ใช้ชีวิตอู้ฟู่ , กินอยู่อย่างสบาย)

คือหนังสือได้บอกให้เรารู้ตัว ว่าเวลาเป็นสิ่งที่มีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้อง “ทำ” หรือ “เป็น” ในทุกๆอย่างในสิ่งที่เราอยากทำหรืออยากเป็น แต่หนังสือกลับให้เรายอมรับ ว่าเรื่องไหนที่เรา “ควรหยุด” หรือเรื่องไหนที่เราควร “ให้ความสำคัญ” กับมัน เพื่อที่เราจะได้รู้สึกถึงสิ่งที่มี “คุณค่า” ที่มันอยู่ในนั้นจริงๆ


หากเขียนมากกว่านี้ไป อาจถือว่าเป็นการสปอยล์ เลยขอตัดจบเลยละกันดีกว่าว่า

หลังอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ช่วยให้มองย้อนกลับมาที่ตัวเองแล้วก็คิดว่า “เราจะเอามันมาปรับใช้กับชีวิตอย่างไรดีนะ” เพราะทุกวันนี้ เวลาที่เราหยุดตามวันหยุด แต่สมองของเรายังคิดแต่เรื่องงาน ไม่เคยคิดจะหยุดตามวันหยุดไปกับเราเลย

แถมยิ่งที่ผ่านมา นอนพักผ่อนน้อย กินน้ำน้อย แถมยังกินอาหารไม่ดี บวกกับเครียดเรื่องงาน จนเมื่อเดือนที่แล้วเครื่องเกือบพัง หากว่าเครื่องไม่พังแบบทำงานไม่ได้ มันก็คงจะทำงานให้เราแบบ Auto ให้เอง โดยที่เราไม่ต้องควบคุม 55555

หวังว่าจะได้เอาความรู้จากหนังสือเล่มนี้ไปปรับปรุงในการใช้ชีวิตให้ดีขึ้นต่อไป