บางที… ความโชคดี มันอาจอยู่ที่มุมมอง
มีช่วงหนึ่งที่ผมนั่งคิดกับตัวเองว่า
“ทำไมชีวิตเราถึงโชคดีจังนะ?”
ไม่ใช่โชคดีแบบถูกรางวัลที่ 1 อะไรแบบนั้นนะ
แต่เป็นความรู้สึกโชคดีเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหลายๆเรื่อง
จนอดรู้สึกขอบคุณไม่ได้
- มีงานทำ ในเวลาที่คนมากมายกำลังหางาน
- มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ช่วยเหลือกัน พูดคุยกันได้อย่างสบายใจ
- มีโอกาสได้ถ่ายทอดความรู้ ได้เป็นอาจารย์พิเศษ
ความรู้ที่ได้จากการเตรียมสอน กลับกลายเป็น “พื้นฐานที่แข็งแรง”
ช่วยสนับสนุนให้ผมทำงานประจำได้ดีขึ้นกว่าเดิม
- งานที่ทำมีความท้าทาย และยังตรงกับสิ่งที่ผมอยากพัฒนาตัวเอง
พอลงมือจริง ก็เลยสนุกเหมือนกำลังเล่นเกมอะไรบางอย่างที่มันถูกออกแบบมาเพื่อเราโดยเฉพาะอยู่
ไหนจะได้ความรู้ (ปัญหา+วิธีแก้ปัญหา) ที่ได้จากการทำงานในแต่ละวัน ที่กลายมาเป็นประสบการณ์ ช่วยให้เรานำไปต่อยอดถ่ายทอดความรู้หรือประยุกต์กับปัญหาอื่นได้อีกในอนาคตอีก
- แม้แต่เรื่องเรียนภาษาอังกฤษ… ตอนแรกก็ลังเลอยู่นานว่าจะลงทุนเสียเงินไปลงเรียนเพิ่มกับสถาบันแพงๆดีไหม
แต่สุดท้ายก็เลือกลงรียนฟรีในคอร์สที่บริษัทจัดหามาให้
แล้วสุดท้ายบังเอิญได้เจออาจารย์ที่เก่ง สอนสนุก และเต็มไปด้วยพลังงานบวก++
(อาจารย์คนไทย สำเนียงเป๊ะ แต่คุณภาพเหมือนเจ้าของภาษา แถมยังสอนตามใจผู้เรียนอีก ดีจนแทบไม่อยากเชื่อว่าเรียนฟรี)
ทุกอย่างที่พูดมา มันเหมือนมีแต่อะไรโชคดีเต็มไปหมด
แต่พอมองลึกๆ ลงไป…
มันอาจไม่ใช่แค่ “โชคดี” อย่างเดียวก็ได้ แต่ทั้งหมดมันคืออะไรนะ
นิทานของพนักงานสองคน
มีพนักงานสองคน ได้รับโอกาสไปเรียนภาษาอังกฤษฟรีด้วยกัน
คนแรก ยิ้มรับทันที
“กำลังอยากพัฒนาภาษาอังกฤษอยู่พอดี อยู่ๆก็ได้เรียนฟรี ไม่ต้องเสียเงินสักบาท”
แม้จะเหนื่อยจากงาน แต่เขามองว่าการเรียนครั้งนี้คือ “ของขวัญ”
เขาตั้งใจเรียนด้วยใจที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ
คนที่สอง กลับถอนหายใจ
“งานก็เหนื่อยแทบขาดใจอยู่แล้ว ยังต้องเสียเวลามานั่งเรียนอีก”
เขามองการเรียนเป็น “ภาระ” ที่ยิ่งเพิ่มความเหนื่อยล้า
หลายเดือนผ่านไป…
คนแรก ใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องขึ้น มีโอกาสดีๆ เข้ามาในชีวิตการทำงาน
คนที่สอง ยังอยู่ที่เดิม และเริ่มบ่นว่าทำไมคนอื่นดูโชคดีกว่าตนเองเสมอ
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตลอดเวลา…
พนักงานอีกสองคน
เข้าทำงานในแผนกเดียวกัน วันเดียวกัน เจอหัวหน้าแบบเดียวกัน และได้งานที่ยากพอๆ กัน
พนักงานคนแรก ถูกเรียกว่า “โชคดี”
เพราะเขามองว่างาน แม้จะท้าทาย แต่มันคือโอกาสในการพัฒนาตัวเอง
เจออุปสรรคก็ถามตัวเองว่า
“งานนี้กำลังสอนอะไรฉันอยู่น้า?” แล้วรู้สึกสนุกกับการเรียนรู้ตลอดเวลา
พร้อมเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
พนักงานคนที่สอง ถูกมองว่า “โชคไม่ค่อยดี”
เพราะเขามองว่างานหนักเกินไป ค่าตอบแทนไม่คุ้มค่า
มองเห็นแต่ภาระ มากกว่าการเติบโต หลายอย่างที่ทำไปก็ไม่ตรงกับใจเต็มไปหมด
แม้สถานการณ์เหมือนกัน
แต่ปลายทางของสองคนนี้กลับแตกต่างกันคนละทาง
ในทุกครั้งที่ผมเจอสถานการณ์เช่นนี้
ผมมักเห็นพนักงานสองคนนี้… กำลัง “ถกเถียงกัน” อยู่ในหัวผมเอง
และสุดท้าย…
เสียงของ “คนที่เลือกมองเห็นโอกาส” ก็มักเป็นฝ่ายชนะ
พาผมเดินไปเจอความโชคดีอยู่เสมอ
บางครั้ง ผมก็นั่งคิดว่า…
ผมควรขอบคุณใครดี?
ขอบคุณคนที่หยิบยื่นโอกาสดีๆ มาให้
หรือ…
ขอบคุณตัวเอง ที่เลือกมองเห็น และเลือกเดินไปบนเส้นทางนั้นด้วยใจที่เชื่อมั่น
แล้วในที่สุด ผมก็คิดได้ว่า…
ผมควรขอบคุณทั้งสองฝ่าย
ขอบคุณคนที่ใจดี+โลกที่ส่งโอกาสมาให้
และอยากจะขอบคุณตัวเอง… ที่ไม่ปิดโอกาสรับมันไป
ฉันใดก็ฉันนั้น…
เรื่องนี้มันคล้ายๆ กับเรื่องไก่กับไข่
ที่เราอาจไม่รู้ได้แน่ชัดว่า “อะไรเกิดก่อนกัน”
แต่เราสามารถรู้ได้ว่า…
- ต้องมีไก่ ถึงจะมีไข่
- และต้องมีไข่ ถึงจะมีไก่ได้เช่นกัน
โชคดี และ โชคร้าย ก็เป็นแบบนั้น
ในโชคดี… ก็มีเงาเล็กๆ ของโชคร้ายซ่อนอยู่
ในโชคร้าย… ก็มีแสงบางๆ ของโชคดีรอให้ค้นหาอยู่เสมอ
ทั้งหมดคือส่วนผสมเดียวกัน
อยู่ที่ว่าเราจะเลือกมอง “ด้านไหน” ของชีวิตในแต่ละช่วงเวลา
สุดท้ายนี้…
บางที… เราไม่ต้องรอให้โลกใจดีกับเราก่อน
แค่เราเลือก “ยิ้มให้โลกก่อน”
โชคดีเล็กๆ น้อยๆ ก็จะค่อยๆ แวะมาหาเราเอง…
“โชคดี ไม่ได้เริ่มจากสิ่งที่เราได้รับ แต่เริ่มจากตัวเราที่พร้อมมองเห็นสิ่งดีๆ ในทุกวัน” ![🍀]()