Categoriesอ่านแล้วเล่า

คู่มือตั้งตั้นสำหรับคนทำงาน ที่ไม่อยากหลงทางไปตลอดชีวิต

SKILL BEFORE PASSION
SO GOOD THEY CAN’T IGNORE YOU
คู่มือตั้งตั้นสำหรับคนทำงาน ที่ไม่อยากหลงทางไปตลอดชีวิต

ผู้เขียน : CAL NEWPORT
ผู้แปล : พรรณี ชูจิรวงศ์
สำนักพิมพ์ : We Learn

—————————————————————————————————————-

“จงทำในสิ่งรัก” เป็นคำแนะนำที่อันตราย

เคยมั้ย ที่ได้ยินคำแนะนำให้เราทำในสิ่งที่เรารัก ตัวอย่างเช่น

“คุณต้องค้นหาสิ่งที่รัก..ทางเดียวที่คุณจะสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้ คือรักในสิ่งที่ตัวเองทำ ถ้ายังหาสิ่งนั้นไม่เจอก็จงหาต่อไป อย่าถอดใจ”

ผู้เขียนได้บอกกล่าวกับผู้อ่านว่า อย่าไปเชื่อคำแนะนำนี้เด็ดขาดนะ หากเชื่อโดยไม่ไตร่ตรอง คุณอาจพบกับอนาคตที่อันตรายได้เลย

หลังจากนั้น ผู้เขียนได้พาไปสำรวจ แต่ละคนที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน ว่าคนที่ประสบความสำเร็จเหล่านั้น ในจุดเริ่มต้น คนเหล่านั้นอาจไม่ได้มีความรักในสิ่งที่ทำตั้งแต่แรกเริ่ม ตัวอย่างเช่น สตีฟ จ็อบส์ที่ในตอนเริ่มต้น เขาไม่ใช่คนที่ชื่นชอบในเทคโนโลยีมากมาย เป็นเพียงชายคนหนึ่งที่หาตัวตนของตัวเองในช่วงมหาวิทยาลัย แต่เขามีเพื่อนที่คลั่งไคล้ในเทคโนโลยี อย่าง สตีฟ วอซเนียก และมองเห็นโอกาสที่ทำให้เขาสามารถทำเงินได้ในระยะสั้นจากยุคเริ่มต้นของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

หลังจากที่เขาทำเงินกับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลได้มากมายแล้ว หลังจากนั้นเขาจึงได้ตระหนักว่าเขารักในสิ่งที่เขาทำ..

ผู้เขียนได้เล่าให้ฟังถึง “สิ่งที่คนรักในงานที่ทำมีร่วมกัน” นั่นคือ

1.อิสระในการทำงาน : ความรู้สึกที่ว่าคุณมีอำนาจที่จะควบคุมการใช้เวลาในแต่ละวันของตัวเอง รวมถึงความรู้สึกที่ว่า การกระทำของคุณมีความสำคัญ
2.ศักยภาพ : ความรู้สึกที่ว่า คุณเก่งในสิ่งที่ตัวเองทำ
3.ความสัมพันธ์ : ความรู้สึกเชื่อมโยงกับคนอื่น

คนที่มีความรู้สึกว่าไม่ได้รักในงานที่ทำ อาจเป็นเพราะมีความรู้สึก 1 ใน 3 ข้อนี้ขาดหายไป เลยทำให้ไม่รู้สึกถึงความรักในสิ่งที่ทำอยู่


ผู้เขียนได้บอกเล่าถึงความล้มเหลว ของคนที่เลือกทำอะไรเพียงแค่ความหลงใหล เช่น คนที่เบื่องานในสายงานการตลาด และอยากเริ่มต้นธุรกิจโยคะเพียงเพราะเป็นความชอบ แต่จากความที่ไม่มีความรู้ลึกในเรื่องที่ทำนั้นดีพอ จึงทำให้เขาประสบปัญหากับการทำธุรกิจ หรือบางคนที่คิดว่าไม่อยากทำแล้วงานเขียนโปรแกรม อยากไปขายหมูปิ้ง ส้มตำ แต่ยังไม่เคยออกตลาดจริง สุดท้ายก็พบกับปัญหาทางธุรกิจเช่นเดียวกัน (เรื่องอันหลังนี่น่าจะมาจากความคิดเห็นของตัวผมเอง ฮ่าๆ)

ผู้เขียนจึงได้เสนอว่า ถ้าอย่างนั้นจะดีกว่าหรือไม่ หากเราสามารถพัฒนาทักษะที่หายากและมีคุณค่าขึ้นมา จนคุณเก่งขึ้นถึงขนาดที่ว่าไม่มีใครสามารถปฏิเสธในสายงานที่คุณทำได้ เพราะพลังของต้นทุนทางอาชีพที่คุณพัฒนามาตลอดนั้น มันสามารถนำมาแลกเปลี่ยนเป็น “อำนาจในการควบคุมสิ่งที่คุณจะทำได้”

ก่อนที่จะเป็นการสรุปหนังสือทั้งเล่มให้อยู่ในไม่เพียงกี่หน้า เลยขอตัดจบเลยว่า หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่เข้ามาช่วยในวันที่ตัวผมเองกำลังตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ผมมีความเหมาะสมกับงานที่ผมทำนี้มั้ย” กับอีกคำถามคือ “ผมรักในงานที่ผมได้รับเงินเดือนนี้หรือเปล่า” เพราะที่ผ่านมารู้สึกเครียดกับโปรเจคที่ทำพึ่งเสร็จ จนไม่แน่ใจว่าตัวเรายังเหมาะสมกับการทำงานนี้ต่อดีมั้ย ทั้งความรู้สึกเก่งไม่พอ จัดการงานได้ไม่ดี แก้ปัญหาไม่ได้ตามเวลา บลาๆๆ

หลังอ่านจบ ก็ได้ข้อสรุปให้กับตัวเองถึงวิธีการว่า “เราจะทำงานอย่างไร ให้มีความสุข……..”


หนังสือเล่มนี้เหมาะกับใคร : แม้คนเขียนจะบอกว่า หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นทำงาน ที่ไม่อยากหลงทางไปตลอดชีวิต แต่ในความรู้สึกหลังอ่าน ผมว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนที่เริ่มมีความคิดอยากลาออกจากงานที่ทำ เนื่องจากเบื่องาน คนที่อยากไปเปิดธุรกิจ แต่ยังไม่มั่นใจ คนที่อยากลาออกมาเป็นนายตัวเอง หรือคนที่เริ่มตั้งคำถามกับงานที่ตัวเองทำเหมือนผม ว่าความสุขในงานคืออะไร เรารักในงานที่เรารับเงินเดือนหรือเปล่า หรือเราควรไปทำในสิ่งที่เรารักดีกว่ามั้ย (ว่าแต่ สิ่งที่เรารักคืออะไร…)

หากคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้ ขอแนะนำให้หาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน คุณจะได้คำตอบที่ดีกลับมาแน่นอน แนะนำเลย!!!