CategoriesEnglish...My PracticedToday..what i learn

รีวิวการเรียนภาษากับชาวต่างชาติ เป็นเวลา 1,000 นาที

รีวิวการเรียนภาษากับชาวต่างชาติ เป็นเวลา 1,000 นาที (40 ครั้ง ครั้งละ 25 นาที)

ก่อนหน้านี้ ไม่เคยคิดว่าจะมานั่งคุยกับฝรั่งหรือชาวต่างชาติแบบตัวต่อตัวเป็นเวลานานๆได้ เพราะที่ผ่านมา เวลาจะเรียนออนไลน์กับชาวต่างชาติหรือดูหนังอะไรผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ก็จะเปิด Subtitle เป็นภาษาไทยเพื่อดูตลอด เพราะว่าไม่สามารถเข้าใจได้ในทันที ว่าชาวต่างชาติสื่อสารอะไร

จนอยู่ๆก็ได้ทักษะการฟังภาษาอังกฤษแล้วเข้าใจ มาเป็นทักษะติดตัว แม้ว่าจะไม่ถึงกับ 100% เป๊ะก็ตาม

การฟังภาษาอังกฤษ และเข้าใจในที่นี้หมายถึง เวลาที่ตัวผมฟังชาวต่างชาติพูด หรือสนทนาในหัวข้อทั่วไป ในชีวิตประจำวัน ผมจะเข้าใจทันทีเลยว่าคู่สนทนา กำลังสื่อสารอะไร อีกหัวข้อหนึ่งที่ผมเข้าใจในทันทีเลยก็คือ หัวข้อเกี่ยวกับ IT , Programing ที่เมื่อเวลาฝรั่งพูดอะไรมาก็ตาม ผมจะเข้าใจได้ว่าเขาสื่ออะไร แต่หากเป็นหัวข้อของบทสนทนาอื่นๆ ผมอาจไม่เข้าใจได้ เพราะคลังคำศัพท์อาจมีไม่มากพอ

ที่จริงกว่าที่จะเข้าใจภาษาได้ทันทีนั้น ตัวผมเอง ฝึกเรียนรู้การอ่าน การเขียน การฟังมาสักระยะ จนมาจริงจังกับการเรียนผ่านแอพลิเคชั่น duolingo มาเป็นระยะเวลา 1200 กว่าวัน ซึ่งผมคิดว่าในแอพฯนั้น ช่วยเรื่องคำศัพท์และ sentence , grammar ผมได้มากๆ เพราะมันทำให้ผมต่อยอดสามารถไปฟังหลักสูตร Udemy , Linkedin Learning หรือช่องออนไลน์อื่นๆได้ต่อไปอีก แต่อย่างไรก็ตาม ทักษะต่างๆเหล่านั้น มันคือทักษะการนำเข้าซะเป็นส่วนใหญ่ การใช้ทักษะการส่งออกของผมนั้นคือแทบไม่ได้ใช้เลย (ทักษะการนำเข้าข้อมูล หรือ การอ่าน การฟัง ส่วนทักษะการส่งออกข้อมูล หรือ การพูด การเขียน)

กลับมาที่ความรู้สึกหลังผ่านการพูดคุยกับชาวต่างชาติผ่าน 1,000 นาทีแรกไป……

วันแรกและสัปดาห์แรก เป็นสัปดาห์ที่ยากที่สุด นั่นก็เพราะ เวลาที่ชาวต่างชาติ พยายามสนทนากับเรา เราไม่สามารถตอบเขาได้ในทันที ทำให้เสียเวลาไปกับการ คิดว่าต้องตอบยังไง , เราจะต้องใช้ศัพท์อะไรตอบกลับไป ทำให้ทุกครั้งที่เรียน รู้สึกหนักเกินไป (ฉันมาทำอะไรที่นี่)

เมื่อสัปดาห์แรกผ่านไป เริ่มรับรู้แล้วว่าเรามีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็น sentence , pronunciation , grammar (ไหนว่าเรียนผ่าน Duolingo แล้วเข้าใจ 555) สัปดาห์ที่สอง จึงเป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่ยากเช่นกัน เพราะเรารู้ในข้อผิดพลาดแล้ว และคิดว่าเราควรไปปิด Gap เหล่านั้นด้วยตนเองก่อน ก่อนที่มาเรียนในช่องทางนี้

จนมาเจอกับครูในช่องทางนี้แหล่ะ แนะนำว่า “คุณไม่ต้องกังวลเลย ภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ภาษาแม่คุณ คุณพูดออกมาได้เลย ไม่ต้องอายที่จะผิด ฉันเข้าใจได้” หลังจากนั้น ความคิดที่มีต่อภาษาอังกฤษก็เปลี่ยน เน้นการสื่อสารออกไปในทันที ไม่อายที่จะใช้ศัพท์ผิด เพราะเมื่อคุณใช้ศัพท์ผิด อาจารย์จะช่วยคุณแก้ไขให้ (เริ่มไม่เกิดอาการ “เอ่อ เอิ่ม อ่า……”)

พอความคิดที่มีต่อภาษาเปลี่ยนไป การเรียนภาษาก็เริ่มสนุกขึ้น จากหัวข้อที่คุยกับอาจารย์แต่ละคน ในเรื่องชีวิตประจำวันทั่วไป ก็เริ่มหันมาคุยกันในหัวข้ออื่นๆมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น วิธีการที่อาจารย์แต่ละท่าน เรียนภาษาด้วยตนเอง ,แอพ หรือ Youtube ช่องไหนที่อาจารย์ใช้ในการช่วย ฝึกภาษาของตัวเอง , วิธีการออกเสียง การขยับปากในแต่ละคำศัพท์ , วิธีการพูดหน้ากระจก , วิธีการฝึกพูดคุยกับตัวเอง หรือการเรียนภาษาผ่านทางซีรีย์โดยไม่เปิด Subtitle

ไปจนถึงระบบฯบำนาญ ของชาวอเมริกาที่มาอาศัยในไทย , การเริ่มต้นตั้งธุรกิจการให้คำปรึกษา ว่ามีวิธีการเริ่มต้นอย่างไร (ครูผู้สอนอาศัยอยู่ในไทย และไม่จำเป็นต้องทำงาน แต่เลือกมาสอน เพราะอยากพูดคุยกับผู้คน) , ครูผู้สอนที่มีประสบการณ์เคยพบกับหลุย ซัวเรส รวมถึงบรรยายว่า หลุย ซัวเรส เป็นคนที่ได้รับความนิยมต่อคนในประเทศเธออย่างไร (เธอเป็นคนอุรุกวัย) , ไปจนถึงกิจกรรม Ikebana จากอาจารย์ชาวญี่ปุ่น ที่ทำให้ได้รู้ถึงวิธีการสร้างศิลปะ จากการหาไม้แตก จานเก่า ดอกไม้ไม่สวยงาม เพื่อนำมารวมกันสร้างเป็นศิลปะที่สวยงามได้ ฯลฯ

ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนเก็บตัว หลังจากผ่านการคุยกับอาจารย์มา 40 คนในหนึ่งเดือน เริ่มคิดว่า ตัวเราไม่น่าจะใช่คนแบบนั้นละ และเริ่มคิดโทษตัวเอง ว่า “ทำไมไม่ยอมเอาตัวเองออกไปเจอกับสังคมบ้างนะจนอายุจะปูนนี้แล้ว”

ก็ไม่รู้ว่ามันจะต้องดีใจเว่อร์มั้ย เพียงแค่เรามีความสามารถที่ทำในเรื่องนี้ได้ จนถึงขนาดต้องมาเขียนโพสต์ลงสื่อ Social แต่คิดแล้วว่าลงไปเถอะ เผื่อมันไปสร้างแรงบันดาลใจให้ใครบางคน ว่าแก่ขนาดนี้ก็ยังไม่สายเกินเรียนภาษา หรือมันอาจไปเป็นตัวอย่าง ว่าหากอยากจะเรียนรู้ภาษาแบบเรา สามารถเรียนตามได้ยังไง หรืออาจมีคน อยากให้การสนับสนุน ชวนเราไปทำอะไรที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ หรือชวนไปทำงานกับบริษัทต่างชาติ เมื่อมีโอกาสนั้นเข้ามา เราจะได้ตอบรับโอกาสนั้นในทันที 555

สุดท้ายนี้ เหมือนยังไม่รู้นะว่าจะเอาทักษะภาษาที่ได้มานี้ไปใช้อะไร แต่ผมคิดว่า ผมจะหาทางใช้มันในทุกๆวันต่อแต่นี้จริงๆจังๆทุกวันแหล่ะ อย่างน้อยก็ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆจากคุณครูแต่ละคนในทุกๆวัน แค่นั้นชีวิตก็สุดยอดมากแล้ว