CategoriesInspiration...My self-ImprovementToday..what i learn

Kodawari : ความสุข..จากการใส่ใจในสิ่งที่ทำ

นั่งฟังเรื่องเกี่ยวกับปรัชญาญี่ปุ่น ที่ชื่อว่า “Kodawari” จากอาจารย์เกตุ (ผศ. ดร.กฤษตินี พงษ์ธนเลิศ) แล้วมีความรู้สึกว่ามันช่วย Heal ใจได้เป็นอย่างดี แต่ก่อนจะอธิบายว่ามัน Heal ใจได้อย่างไร ขอเล่าก่อนว่าคำว่า Kodawari มันความหมายว่าอย่างไร

คำว่า “โคดาวาริ” (Kodawari) ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง ความแน่วแน่ในการทำบางสิ่งบางอย่างให้ออกมาดีที่สุด ซึ่งรวมถึงความพิถีพิถันและใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้งานที่ทำนั้นออกมาดีเลิศที่สุด หากให้เปรียบเทียบตามความเข้าใจ ผมคิดว่าคงจะเหมือนกับหลักของ “มรรค ๘” ในศาสนาพุทธที่สอน โดยเฉพาะในหัวข้อ สัมมาอาชีวะ (มีอาชีพสุจริต) และ สัมมาวายามะ (มีความขยันหมั่นเพียร) เพื่อช่วยให้งานที่เราทำนั้น ออกมาดีเลิศ

ความประทับใจจาก ตัวอย่างที่อาจารย์ผู้บรรยายยกมา คือมีคนอยู่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นโรคสมาธิสั้น ไปทำงานที่ไหนก็ทำไม่ทน จนทำให้ตัวเองโดนไล่ออก จึงพยายามค้นหา ว่า “คนที่เป็นโรคนี้แบบเราเนี่ยะ ทำอะไรถึงจะดีนะ” จนได้มาเจอกับศิลปะ

จากการที่เขาคลุกอยู่กับศิลปะ และคิดว่าใช้เวลากับมันได้ดี มีสมาธิกับมันได้นานๆ ประกอบกับชอบในสิ่งนี้ จึงทำให้เขาเลือกที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ

เขาเริ่มทำการสร้างศิลปะจากใบไม้ โดยการเอามีดคัตเตอร์มาแกะสลัก มากรีดให้เป็นลวดลายต่างๆ จนเริ่มมีคนชอบและขอซื้อ !!!! (ใบไม้ ที่ไม่ได้ขายได้เฉพาะใบกระท่อมและใบหูกวาง) “สามารถค้นหา ศิลปะของคนๆนี้ได้ โดยค้นจากคำว่า lito leaf art หรือเข้าไปที่ Instragram และค้นหาได้ที่ Account : @lito_leafart”

กับอีกหนึ่งความประทับใจคือคำว่า “Slow Success” ที่ฟังแล้วรู้สึกดี เพราะทุกวันนี้เราอยู่ในสื่อที่มุ่งเป้าไปที่ความสำเร็จระยะสั้น หรือมองหาแต่การทำให้ได้มาซึ่งเงินที่มากขึ้น รวมถึงต้องสำเร็จให้ไว แต่ไม่มีใครเลยที่มุ่งอยากจะเล่นเกมส์ยาว หรือเป็นคนที่อยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์และความรู้สึกดีๆ ที่เราพบเจอกับแต่ละช่วงของชีวิตและมองหาความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัวเรา ที่มาพบเจอและร่วมงานกันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง พอได้ฟังเรื่องนี้จึงประทับใจมาก

หลังนั่งฟังจบ ก็กลับมาทบทวนกับตัวเองว่าตอนนี้เราใส่ใจในงานที่เราทำได้ดีหรือยัง หรือยังมีสิ่งไหนในงาน ที่เราสามารถพัฒนามันได้มากขึ้นอีกเพื่อที่งานมันจะได้ดีขึ้น โดยมองที่ประโยชน์และความสุขของทีมเป็นหลัก หลังคิดได้ก็ได้คำตอบกลับมาว่า “นี่เรายังทำสิ่งดีๆได้อีกเยอะเลยเนอะ….”